บทที่ 5
สรุปผล อภิปราย และข้อเสนอ
การวิจัยเรื่อง การศึกษาระดับทัศนคติของนิสิตที่มีต่อบทบาทการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในการนำเสนอข้อมูลต่างๆ
มีวัตถุประสงค์ คือ เพื่อศึกษาทัศนคติของนิสิตต่อบทบาทหน้าที่ของสื่อมวลชน
ในการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ
ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้
ได้แก่ นิสิตมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 – 4 ในปีการศึกษา 2558
ใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่ม(Cluster Random
Sampling) ได้กลุ่มตัวอย่างทั้งสิ้น
จำนวน 100 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้
ใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) การวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยนำข้อมูลประมวลผลและวิเคราะห์ด้วยโปรแกรมทางสังคมศาสตร์โดยใช้เทคนิคทางสถิติ
เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลตามวัตถุประสงค์ของการวิจัยครั้งนี้
สถิติพรรณนาใช้วิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ เพศ อายุ คณะ ชั้นปีและรายได้ต่อเดือน
การแจกแจงความถี่ หาค่าร้อยละ และสถิติอ้างอิงข้อมูลความเห็นด้วยของนิสิต ได้แก่
ค่าเฉลี่ย และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยใช้ระยะเวลาที่วิจัย ตั้งแต่เดือนสิงหาคม –
เดือนพฤศจิกายน
สรุปผลการวิจัย
จากการวิจัยพบว่า ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่
นิสิตมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 – 4 ในปีการศึกษา
2558 ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงรองลงมาเป็นเพศชาย
มีอายุมากสุดคือ 19 ปี รองลงมาอายุ 21 ปี
อายุ 20 ปีและอายุ 22 ปี
ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในทุกคณะของมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ศึกษาในระดับชั้นปีที่ 4 รองลงมาชั้นปีที่
1 ชั้นปีที่ 2 และชั้นปีที่ 3 โดยมีรายได้ต่อเดือน ระหว่าง 5,001 – 8,000 บาท รองลงมา มีรายได้ต่อเดือน 2,001 – 5,000 บาท มากกว่า 8,001 บาท และมีรายได้ต่อเดือนน้อยกว่า 2,000 บาท ซึ่งการวิจัยพบอีกว่า ทัศนคติของนิสิตต่อการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ของสื่อมวลชน
จากการวิจัยพบว่า ระดับทัศนคติของนิสิตต่อการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ของสื่อมวลชน
ผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมด 100 คน ส่วนใหญ่มีทัศนคติต่อการนำเสนอข้อมูลต่าง
ๆ ของสื่อสารมวลชน เรื่องการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในปัจจุบัน มีเนื้อหาสาระที่น่าสนใจอยู่ในระดับมาก
รองลงมาเรื่องการนำเสนอข้อมูลข่าวสารปัจจุบัน สื่อมวลชนใช้คุณธรรม
จริยธรรมอันเป็นพื้นฐานในการทำหน้าที่ และเรื่องการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ
ของสื่อมวลชน โดยใช้ข้อเท็จจริงในการนำเสนอมากกว่าใช้ความรู้สึกของสื่อมวลชน โดยทัศนคติต่อการนำเสนอข้อมูลต่าง
ๆ ของสื่อมวลชนที่น้อยที่สุดคือ สื่อในการนำเสนอข้อมูลข่าวของสื่อมวลชนมีความสำคัญต่อประชาชน ในผลรวมของทัศนคติของนิสิตที่มีต่อบทบาทการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในการนำเสนอข้อมูลต่าง
ๆ ของนิสิตมหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต
นิสิตมีระดับทัศนคติต่อบทบาทการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในการนำเสนอข้อมูลต่าง
ๆ ซึ่งมีความเห็นด้วยอยู่ในระดับปานกลาง จากผลของการวิจัยทำให้ทราบว่า
ทัศนคติของผู้ตอบแบบสอบถามที่มีต่อการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ ของสื่อมวลชน เรื่องบทบาทหน้าที่การนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน
ยังไม่สอดคล้องกับประเด็นสมมติฐานที่ทางคณะผู้วิจัยได้ตั้งไว้ คือ ระดับทัศนคติของนิสิตต่อการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ
ของสื่อมวลชนมีความเห็นด้วยต่อการนำเสนอของสื่อมวลชนอยู่ในระดับมาก
อภิปรายผล
จากการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่
มีทัศนะคติเรื่องการนำเสนอข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันมีเนื้อหาสาระที่น่าสนใจมากที่สุด
ซึ่งสอดคล้องกับการประเมินคุณค่าข่าว ของ รองศาสตราจารย์ดรุณี หิรัญรักษ์ ที่กล่าวถึงใน
(ปรุณรัตน์ พิงคานนท์, 2548) โดยกล่าวว่า
เมื่อหนังสือพิมพ์ตัดสินใจพิมพ์ข่าวเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จะต้องประเมินคุณค่าข่าวของเหตุการณ์นั้นว่ามีมากน้อยเพียงใด
โดยใช้หลักพื้นฐานในการประเมินคุณค่าข่าว 3 ประการดังต่อไปนี้
1. ข้อเท็จจริง (Fact) สื่อมวลชนจะต้องพยายามนาข้อเท็จจริงมานำเสนอต่อผู้รับสาร
ต้องระลึกเสมอว่า ข่าวจะต้องมีที่มาจากข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ต่างๆดังนี้ ข่าวจะต้องมาจากสถานการณ์(Situation)
เหตุการณ์(Occurrence) และความคิด(Thoughts)
ข้อคิดเห็น(Ideas) ที่เกิดขึ้นจริง ไม่ใช่สิ่งที่เขียนขึ้นตามความรู้สึกนึกคิดของผู้สื่อข่าวเอง
ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด อาจไม่ได้นามาเสนอเป็นข่าว เนื่องจากประเด็นบางประเด็น
รายละเอียดปลีกย่อยบางข้อ มีความสำคัญค่อนข้างน้อยและขาดความน่าสนใจ ซึ่งไม่จาเป็นต้องนำเสนอข่าวก็เป็นได้
2. ข่าวต้องเป็นสิ่งที่น่าสนใจ (News must be interesting) โดยใช้หลักการประเมินความน่าสนใจดังนี้ ที่เกิดขึ้นทั้งหมด อาจจะเป็นสิ่งที่น่าสนใจ
หรือไม่น่าสนใจสาหรับการนำเสนอเป็นข่าวก็ได้ระดับความน่าสนใจของข้อเท็จจริง มักจะแตกต่างกันออกไป
หากข้อเท็จจริงใดมีความน่าสนใจมาก ย่อมมีคุณค่าข่าวสูงไปด้วย 3. ข่าวจะต้องเป็นสิ่งที่น่าสนใจสาหรับคนหมู่มาก ข่าวมักเป็นเรื่องที่น่าสนใจของประชาชนในวงกว้าง
อาจจะเป็นระดับจังหวัด ภูมิภาค ประเทศ หรือนานาประเทศ เป็นต้น ซึ่งผู้วิจัยพบว่าหลักการและข้อมูลต่าง ๆ
ยังเป็นพื้นฐานข้อมูลในเรื่องการประเมินคุณค่าข่าวได้อย่างดี
เมื่อเทียบจากการนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสื่อมวลชนในปัจจุบัน ที่ส่วนใหญ่มีการนำเสนอข่าวในเนื้อหาสาระน่าสนใจ
และบางข่าวดังจากสื่อออนไลน์หรือ นำมาเสนอโดยมีการประเมินคุณค่าข่าว โดยถ้าข่าวเกิดขึ้นแล้ว
โดยไม่ว่าจะเหตุการณ์ใดๆ และได้รับความสนใจ หากไม่น่าสนใจข้อเท็จจริงดังกล่าวก็จะไม่ได้รับการรายงานให้ผู้อ่านทราบ
หากสื่อมวลชนพิจารณาเห็นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นอาจก่อเกิดความน่าสนใจของเหตุการณ์ลำดับต่อมา
ก็จะนำเสนอเป็นข่าวต่อไป จากการวิจัยยังพบว่า
เรื่องการนำเสนอข้อมูลข่าวของสื่อมวลชนมีความสำคัญต่อประชาชนในค่าระดับที่น้อย โดยไม่สอดคล้องกับทฤษฎีแนวคิด
ในเรื่องความสำคัญของการสื่อสารมวลชน โดยกล่าวถึง (ศุภรัศมิ์ ฐิติกุลเจริญ : 2540) ซึ่งกล่าวว่า การสื่อสารมวลชนเข้ามามีบทบาทสำคัญแทนที่การสื่อสารระหว่างบุคคล
(Interpersonal Communication) การสื่อสารแบบเผชิญหน้า (Face
to Face Communication) และการสื่อสารแบบบอกปากต่อปาก (Word
of Mouth Communication) การสื่อสารมวลชน ทำให้สามารถทาการสื่อการกันได้โดยไม่ถูกจากัดในเรื่องจำนวนคน
เวลา และระยะทาง โดยสามารถระบุความสำคัญได้ 5 ประการ คือ 1.
ความสำคัญต่อกระบวนการสังคม (Social Process) โดยการเสนอข่าวสารและความคิดเห็นที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนระบบสถาบันต่าง
ๆของสังคมให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้รวมทั้งสืบเสาะเบาะแสความไม่ดีไม่งามของสังคม
พร้อมกับเสนอแนวทางแก้ไขที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม 2. ความสำคัญต่อข่าวสารโดยการนาข่าวสารทุกประเภทมาถึงประชาชนเพราะสังคมปัจจุบันเป็นสังคมข่าวสาร
(Information Society) ข่าวสารเป็นเครื่องมือในการสนทนาในชีวิตประจาวัน
และเป็นข้อมูลในการวางแผนและประกอบการตัดสินใจ 3. ความสำคัญต่อวัฒนธรรม
โดยการนาและถ่ายทอดวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในส่วนต่าง ๆ ของประเทศ ให้ปรากฏอย่างแพร่หลาย
ซึ่งก่อให้เกิดความเข้าใจที่ดีขึ้นและลดความขัดแย้งระหว่างกันได้ 4. ความสำคัญต่อความเป็นสากลโดยการเผยแพร่ข่าวสารอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว ทำให้ผู้คนสามารถรับรู้ข่าวสารได้พร้อมๆ
กันทั่วโลก (Globalization)
5. ความสำคัญต่อธุรกิจและอุตสาหกรรม โดยการเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการไปสู่กลุ่มประชาชนผู้บริโภค
ซึ่งผู้ศึกษาพบว่าหลักการและข้อมูลต่าง ๆ
ยังเป็นพื้นฐานข้อมูลที่ยังไม่มีการแปลผันหรือเปลี่ยนแปลงในเรื่องความสำคัญของการสื่อสารมวลชนได้อย่างดี
ดังนั้นจากผลวิจัยในเรื่องความสำคัญในการนำเสนอข้อมูลข่าวของสื่อมวลชนต่อประชาชน
ผู้วิจัยสามารถอภิปรายได้ว่าด้วยในปัจจุบันสื่อสำหรับการนำเสนอหรือเผยแพร่ข้อมูลต่าง
ๆ ไม่ได้มีแค่สื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุกระจายเสียง หรือโทรทัศน์
ด้วยระยะเวลาที่เปลี่ยนไปพร้อมกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
สื่อในช่องทางใหม่เริ่มเกิดขึ้นในชื่อของเครือข่ายสังคมออนไลน์(Facebook, Line, Twitter,youtube)
ที่สื่อมวลชนสามารถนำเสนอข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ได้ทุกเวลา
และประชาชนสามารถเข้าถึงและรับข้อมูลข่าวสารได้ทุกที่เช่นกัน
ดังนั้นความจำเป็นในการรับสื่อผ่านสื่อสิ่งพิมพ์
วิทยุกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ก็ลดลงตาม สื่อช่องทางใหม่ที่เกิดขึ้น
ที่สามารถความสะดวกสบาย และเข้าถึงได้ทุกที่ ทุกเวลา และผลการวิจัยในภาพรวมของระดับทัศนคติของนิสิตต่อบทบาทการทำหน้าที่ของสื่อสารมวลชนในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารต่าง
ๆ มีความเห็นด้วยอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งสอดคล้องในเรื่องหน้าที่พื้นฐานของสื่อมวลชน
ของ (ธีรารักษ์ โพธิสุวรรณ, 2553) โดยฮาโรลด์
ลาสเวลล์ (Harold D. Lasswell) นักรัฐศาสตร์ชาวอเมริกันได้อธิบายหน้าที่ของการสื่อสารไว้ดังนี้
1. การสังเกตการณ์สภาพแวดล้อม (Surveillance of the
Environment) นั่นคือการเฝ้าดูแลสอดส่องเหตุการณ์ต่างๆ รวมทั้งภัยอันตรายที่อาจส่งผลกระทบกับสมาชิกในสังคม
2. การประสานสัมพันธ์ส่วนต่างๆ ของสังคม (Correlation of the
Parts) นั่นคือการสื่อสารช่วยให้สมาชิกกลุ่มต่างๆ ในสังคมมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน
และอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยความสงบเรียบร้อย 3. การถ่ายทอดมรดกทางสังคม
(Transmission of Social Inheritance) นั่นคือช่วยให้อนุชนรุ่นหลังมีการสืบทอดวัฒนธรรมต่อๆ
กันไปโดยไม่ขาดตอน เปรียบเสมือนการให้การศึกษา นอกจากหน้าที่พื้นฐานทั้ง 3 ประการแล้ว ชาร์ล ไรท์ (Charles R. Wright) ยังได้เสนอหน้าที่ในการให้ความบันเทิงเพิ่มเติมด้วย
สื่อมวลชนในฐานะสื่อหรือเครื่องมือในการสื่อสารของสมาชิกในสังคมจึงมีหน้าที่พื้นฐาน
4 ประการ คือ 1. หน้าที่ในการให้ข่าวสาร การให้ข่าวสาร
นับเป็นหน้าที่แรกของสื่อมวลชนที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากกล่าวในบริบทของการสื่อสาร
หน้าที่การให้ข่าวสารนับเป็นหน้าที่อันดับแรกที่เก่าแก่และยาวนานที่สุดของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยโบราณ
เมื่อสังคมมนุษย์ขยายขอบเขตมากขึ้นต้องอาศัยสื่อมวลชนเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร หน้าที่การให้ข่าวและข่าวสารจึงยังคงเป็นหน้าที่ที่สำคัญลำดับแรกของสื่อมวลชน
การให้ข่าวและข่าวสารของสื่อมวลชนด้วยการเก็บรวบรวม ประมวล วิเคราะห์ ข้อมูล ข้อเท็จจริง
ข้อคิดเห็น ภาพ เสียง เหตุการณ์ต่างๆ เพื่อนาไปเผยแพร่เป็นข่าวให้สมาชิกในสังคมได้ทราบถึงสภาพแวดล้อมของสังคมนั้นๆ
เพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นและความสนใจของบุคคล ช่วยให้เกิดความรู้สึกมั่นคง ปลอดภัย
ส่งเสริมให้เกิดความก้าวหน้าทางด้านนวัตกรรม เกิดการเปลี่ยนแปลงพัฒนาตัวเองของสมาชิกในสังคม
การให้ข่าว ข่าวสาร อาจนับได้ว่ามีประสิทธิผลในการเสริมสร้างทางปัญญาของสมาชิกในสังคมอีกด้วย
2. หน้าที่ในการแสดงความคิดเห็น นอกจากการให้ข่าว ข่าวสารแล้วสื่อมวลชนยังต้องมีหน้าที่ในการอธิบาย
แปลความหมาย ตีความ และวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับความหมายของข่าว ข่าวสารและเหตุการณ์ต่างๆ
ที่เกิดขึ้นและมีผลกระทบต่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นบทบรรณาธิการทางหน้าหนังสือพิมพ์ที่แสดงถึงความคิดเห็น
สารคดีเชิงข่าวทางโทรทัศน์ที่เสนอภูมิหลังของข่าวหรือเหตุการณ์และข้อวิพากษ์วิจารณ์
บทวิเคราะห์ข่าวทางวิทยุกระจายเสียงในการเปิดเผยสาเหตุของเหตุการณ์ และคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต
การแสดงความคิดเห็นเหล่านี้จัดเป็นหน้าที่พื้นฐานของสื่อมวลชนที่จะต้องทาเพื่อประโยชน์ของสมาชิกในสังคม
รวมทั้งการเป็นเวทีแสดงความคิดเห็นของสังคมเพื่อก่อให้เกิดความเข้าใจและความร่วมใจกัน
3. หน้าที่ในการให้การศึกษา การให้การศึกษานับเป็นการเสนอสาระความรู้อย่างมีระบบ
มีวิธีการ เพื่อให้อยู่ร่วมกับบุคคลอื่นๆในสังคมได้ การให้การศึกษานี้สื่อมวลชนสามารถให้ได้ทั้งการศึกษาในระบบโรงเรียน
การศึกษานอกระบบโรงเรียน และการศึกษาตามอัธยาศัย อันหมายรวมถึงการถ่ายทอดวัฒนธรรม ค่านิยม
ขนบธรรมเนียม จารีตประเพณี บทบาท หน้าที่ ของสมาชิกในสังคมด้วย สื่อมวลชนจะเป็นผู้นาสารในลักษณะของความรู้และประสบการณ์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย
เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาสติปัญญา การปรับเปลี่ยนบุคลิกภาพ และการปรับภูมิปัญญาเข้าสู่มาตรฐานที่ใกล้เคียงกัน
4. หน้าที่ในการให้ความบันเทิง สื่อมวลชนมีหน้าที่ตอบสนองทางด้านจิตวิทยาแก่สมาชิกในสังคมได้เป็นอย่างดี
ด้วยการช่วยคลายเหงาเพื่อทดแทนความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลซึ่งมีน้อยลง ช่วยให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อนและมีกาลังใจเพิ่มขึ้น
รวมทั้งช่วยรักษาเยียวยาภาวะต่างๆ ภายในจิตใจ เช่น ความเศร้าหมอง ความวิตกกังวล ความผิดหวัง
ช่วยให้หลีกหนีปัญหาต่างๆ ให้ความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และลดความตึงเครียดของจิตใจ ผู้วิจัยสามารถอภิปรายผลได้ว่า ปัจจุบันนี้การรับรู้ข้อมูลข่าวสารรอบตัวเรานั้น สามารถรับได้หลากหลายช่องทางทั้งง่าย สะดวก
รวดเร็ว และข่าวที่เกิดขึ้นมานั้นก็มีทั้งผลดีและผลเสีย
ฉะนั้นนิสิตที่จะเสพข้อมูลข่าวสารในยุคปัจจุบันนี้ ต้องใช้สติและวิจารณญาณพอสมควร
เพราะข่าวที่เกิดขึ้นนั้นมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน สื่อมวลชนมีบทบาทต่อข้อมูลข่าวสารต่าง
ๆ ทั้งบทบาทในการนำเสนอ การนำเสนอความคิดเห็น การให้ความรู้ และประชาสัมพันธ์
เมื่อถึงยุคข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันทำให้คนมีช่องทางในการสื่อสารกันมากขึ้น
ข้อมูลข่าวสารจากความคิดของคน ๆ หนึ่ง สามารถสื่อสารไปสู่คนได้จำนวนมาก
ด้วยช่องทางการสื่อสารยิ่งมากขึ้นในปัจจุบัน
ไม่ใช่เพียงแค่หนังสือพิมพ์ วิทยุกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ แต่ยังมีสื่อออนไลน์
และสื่อต่าง ๆ อีกมากมาย ที่สื่อมวลชนสามารถเผยแพร่และนำเสนอข้อมูลได้ยิ่งขึ้น
ทำให้ประชาชนต้องการสื่อที่เป็นกลาง นำเสนอข้อมูลที่เป็นจริงให้กับประชาชน
โดยไม่มีการบิดเบือนข้อมูล สร้างอคติ
หรือนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เอียงไปเอียงมาและชักจูงให้สังคมเชื่อและเกิดอคติมีผลคล้อยตามในเรื่องนั้น
ๆ ดังนั้นในเรื่องทัศนคติของนิสิตต่อบทบาทการทำหน้าที่ของสื่อสารมวลชนในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารต่าง
ๆ สื่อจะต้องนำเสนอความจริงของข้อมูลอย่างมีสีสันและน่าสนใจ
สามารถสร้างประโยชน์ สร้างความรู้ และสร้างความตระหนัก
เป็นช่องทางในการเชื่องโยงการรับรู้ข่าวสารของคนในสังคม นำเสนอแต่สิ่งดีๆ
มาสู่สังคมอย่างน่าสนใจบนพื้นฐานของจรรยาบรรณสื่อสารมวลชน แนวคิดเกี่ยวกับทิศทางการนำเสนอข่าวสาร
และความเป็นกลางในการนำเสนอข่าว เพื่อให้ข้อมูล ให้ข่าวสาร ให้ความรู้
และให้ความบันเทิง ในหน้าที่พื้นฐานของสื่อมวลชน
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะเพื่อการนำผลการวิจัยไปใช้
1.
นำผลการวิจัยระดับทัศนคติของนิสิตนิสิตต่อการนำเสนอข้อมูลต่าง
ๆ สู่สาธารณะ เพื่อปรับใช้ในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน
2.
เพื่อนำผลการวิจัยไปปรับใช้ร่วมกับรายวิชาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์มากยิ่งขึ้น
และรู้จักบทบาทหน้าที่การทำงานของนิสิตด้านการทำงานสื่อสารมวลชนมากขึ้น
ข้อเสนอแนะเพื่อการทำวิจัยครั้งต่อไป
1.
ควรเพิ่มเวลาในการทำวิจัยเพื่อให้ได้กลุ่มตัวอย่างที่ครอบคลุมมากขึ้นและจะได้ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือและสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
2.
ควรมีการทำวิจัยเชิงคุณภาพเพื่อสัมภาษณ์เชิงลึกนิสิตมากยิ่งขึ้นเพื่อให้เห็นถึง ข้อเสนอแนะและความต้องการของนิสิตอย่างทั่วถึง
3.
ควรขยายระยะเวลาการวิจัย
และกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมทุกช่วงอายุ
เพื่อสะท้อนระดับทัศนคติของนิสิตต่อการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ สู่สาธารณะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น