วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ความสำคัญของการประชาสัมพันธ์

ความสำคัญของการประชาสัมพันธ์



การประชาสัมพันธ์คือ

การประชาสัมพันธ์ (Public Relation)
            Public = ประชา, หมู่คน      Relation = การผูกพัน

            การประชาสัมพันธ์ (Public Relation) คือ ธุรกิจที่ชักนำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจและมีความนิยมชมชอบ (Goodwill) ต่อบุคคลหรือหน่วยงานสถาบันนั้น (Webster’ s New Collegiate, 1974)

วัตถุประสงค์การประชาสัมพันธ์
ก่อ : สร้างมิตร ยอมรับ ศรัทธา และสร้างระบบการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
แก้ : ปรับความเข้าใจที่ถูกต้อง ด้วยวิธีที่ถูกต้อง
กัน : ป้องกัน รักษาภาพลักษณ์ สร้างความร่วมมือ กิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์
 แสดงให้เห็น คุณค่าของธุรกิจ หรือการประชาสัมพันธ์นั้น

ประชาสัมพันธ์เพื่อการใด
Corporate PR การประชาสัมพันธ์เพื่อองค์กร
Marketing PR การประชาสัมพันธ์เพื่อการตลาด
การทำประชาสัมพันธ์องค์กร (Corporate Public Relations : CPR) จะเป็นการเน้นความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานกับกลุ่มเป้าหมายแต่ในปัจจุบันนักประชาสัมพันธ์หรือนักโฆษณาส่วนใหญ่จะหันมาให้ความสำคัญมากขึ้นกับการประชาสัมพันธ์เชิงการตลาด (Marketing Public Relations : MPR) ซึ่งเป็นการนำความสัมพันธ์ระหว่างการตลาดกับการประชาสัมพันธ์มาผสมผสานกัน

ทำไมต้องประชาสัมพันธ์
o   สร้างภาพลักษณ์
o   สร้างความเข้าใจ
o   สร้างการยอมรับและให้ความร่วมมือ
o   เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
o   เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

อิทธิพลการประชาสัมพันธ์
·       1.สร้างความเข้าใจ (สินค้า บริการ การดำเนินธุรกิจหรือกิจกรรมองค์กร)
·       2.สร้างแรงกระตุ้น (เกิดความรู้สึก นึกคิด )
·       3.สร้างความภูมิใจ (เกิดความรู้สึกที่ดี ศรัทธา ยอมรับ)
·       4.สร้างความตอกย้ำความทรงจำ  (รับรู้และประทับใจ)
·       5.สร้างแรงจูงใจให้เกิดความสนใจ (สนับสนุน ร่วมกิจกรรม อุดหนุนสินค้า)

ลักษณะการสื่อสาร
o   การสื่อสารทางเดียว (One-way Communication) หมายถึง การสื่อสารที่ผู้รับไม่สามารถโต้ตอบกับผู้ส่งในสื่อกลางเดียวกันได้ ผู้ส่งเป็นฝ่ายส่งข่าวสารเพียงอย่างเดียว ส่วน ใหญ่มักอยู่ในรูปของสื่อสารสาธารณะ เช่น วิทยุกระจายเสียง โทรทัศน์ หรือบอร์ด ประกาศ เป็นต้น การสื่อสารรูปแบบนี้เรียกว่า Simplex
o   การสื่อสารสองทาง (Two-way Communication) หมายถึง การสื่อสารที่ผู้ส่งและผู้รับข่าวสาร สามารถโต้ตอบกันได้ในสื่อกลางเดียวกัน การสื่อสารรูปแบบนี้ เรียกกว่า Duplex

สื่อในการประชาสัมพันธ์ปัจจุบัน
-          โทรทัศน์
-          หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร
-          วิทยุกระจายเสียง
-          ภาพยนตร์
-          โปสเตอร์ ใบปลิว แผ่นผับ
-          Internet / Social Network
-          Smart Phone /Applications / SMS / MMS

การประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน
สำหรับการประชาสัมพันธ์ที่ผมจะนำเสนอในวันนี้ เป็นการประชาสัมพันธ์ในรูปแบบของ Viral Video หรือสำหรับทางการตลาดจะเรียก Viral Marketing ที่ทุก ๆ ท่าน อาจจะเคยเห็นกันบางในโลกออนไลน์ หรือบางท่านอาจจะเป็นผู้ที่ช่วยประชาสัมพันธ์อีกด้วย

หลังจากที่วิดีโอออนไลน์เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ หลายธุรกิจเริ่มหันมาจับกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่เป็นผู้ใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูง คุ้นเคยกับวิดีโอออนไลน์ มีกล้องถ่ายวิดีโอหรือเว็บแคม จะเห็นได้จากหลายโฆษณาในระดับสากลที่หันมาใช้คลิปวิดีโอเป็นเครื่องมือ หลายคนอาจคิดว่า คงต้องเป็นสินค้าไฮเทคที่คิดจะใช้ช่องทางนี้เจาะให้ถึงใจผู้ใช้เว็บ แต่กลับเป็นตรงกันข้าม หลายสินค้าที่ออกแคมเปญใช้
ยูสเซอร์ของสินค้าหรือองค์กรนั้นส่งคลิปวิดีโอมาแข่งกันกลับเป็นแค่สินค้าโลว์เทคธรรมดาๆ ทั่วไป โดยหวังเพื่อจะสร้างความแปลกใหม่ให้กับมิติในการประชาสัมพันธ์สินค้า ให้แปลกและแตกต่างไปจากรูปแบบเดิม ๆ ที่เป็นอยู่

โดยไม่ได้เน้นที่แบรนด์สินค้าเป็นหลัก โฆษณาสรรพคุณสินค้า รายละเอียดสินค้าแบบโจ่งแจ้ง แต่เน้นที่ความรู้สึกนึกคิดของผู้บริโภคเป็นหลัก ให้จดจำเรื่องราวของโฆษณาที่นำเสนอ ประชาสัมพันธ์ โดยดึงให้สินค้าเป็นปัจจัยรองที่รับผลพลอยได้จากการโฆษณา

Viral Video คืออะไร
คำว่า Viral Video นั้นก็คือวิดีโอคลิปอย่างหนึ่งที่มีความสามารถพิเศษ ระบาดอย่างรวดเร็วผ่านเน็ตเหมือนการแพร่เชื้อไวรัส ไม่จำเป็นต้องมีเนื้อหาทางเพศหรือโป๊เปลือยแต่อย่างใด อันที่จริงเรื่องตลกหรือวิดีโอที่มีอารมณ์ขันจะระบาดได้เร็วกว่า และไปถึงกลุ่มที่กว้างขวางกว่าด้วยซ้ำ

การสร้าง Viral Video ในแบบของตนเอง
1. ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าทำ Video นี้ขึ้นมาทำไม ? และเพื่ออะไร นักการตลาดส่วนใหญ่มักโฟกัสไปที่ตัวสินค้า มันจะน่าสนใจมากขึ้นหากจะโฟกัสไปที่ปัญหาที่สินค้าผลิตภัณฑ์ หรือบริการนั้น ๆเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหา หรือเติมเต็มสิ่งที่ขาดเหล่านั้นได้
2. สั้นกระชับ  ความยาววิดีโอควรมีระยะเวลาประมาณ 2 นาที หรือไม่เกินนั้น  วางสิ่งที่น่าสนใจไว้ช่วง 10-20 วินาทีแรก จำไว้เสมอว่าผู้บริโภคในยุค New Media ค่อนข้างจะใจร้อน ไม่รีรออะไรที่ใช้เวลานาน และเยิ่นเย้อ
3. สร้าง Surprise ให้กับวิดีโอนั้น ๆ เรื่องราวที่คาดเดาไม่ได้ย่อมตื่นเต้น แปลกใหม่เสมอ  สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่จะทำให้ผู้ที่ได้ชมนั้นประทับใจจนต้องแชร์ให้คนรอบข้างได้ชม
4. อย่าลืม Basic ที่ต้องมีคือ หัวเรื่อง Headline, Keyword, Call to Action รวมไปถึง เราจะต้องแน่ใจว่าวิดีโอนั้น ๆ สามารถจะแชร์ได้อย่างสะดวก หากทำทุกสิ่งมาดีแล้ว ขั้นตอนการส่งต่อนั้นยุ่งยาก ก็เหมือนจะเป็นการตกม้าตายตอนจบ

การเผยแพร่หรือประชาสัมพันธ์
วิธีเผยแพร่หรือประชาสัมพันธ์ของ Viral Video คือ ผ่านเน็ตเวิร์คออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเน็ตเวิร์คระยะมือเอื้อมถึงอย่างบลูทูธ ที่มีการโอนไฟล์วิดีโอให้ในผับหรือห้องประชุม ผ่านระบบแลนในบริษัท ผ่านเครือข่ายเน็ตความเร็วสูงด้วยอีเมล โพสต์ขึ้นไซต์ที่ให้บริการอัพโหลดวิดีโอออนไลน์ แล้วส่ง Link ต่อให้เพื่อน ส่งผ่าน Social Network ต่าง ๆ เช่น Facebook, Twitter, Line หรือ Applications  ต่าง ๆ ที่สามารถส่งต่อหรือแชร์ข้อมูลให้กันได้เป็นต้น
ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนในตอนเริ่มต้น ทุกวันนี้เว็บไซต์หรือช่องทางที่รับโฮสต์วิดีโอออนไลน์ที่มีมากมาย ส่งผลให้ Viral Video ระบาดเร็วและแรงขึ้น จนคลิปวิดีโอที่แรงจริงๆ จะระบาดไปทั่วเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโลกในเวลาไม่กี่วัน หรือภายในเวลาแค่สัปดาห์เดียว หรือแค่วันเดียว แทนที่จะนานเป็นเดือนๆ เหมือนเมื่อก่อน

ประโยชน์ของการประชาสัมพันธ์แบบ Viral Video

ข้อที่ 1 : ประหยัด
        แน่นอนในข้อนี้เพราะว่ามันประหยัดนั้นเอง ที่เป็นจุดเด่นที่สำคัญมากสำหรับเรื่องนี้ อยากให้ทุกคนลองคิดเล่นๆกันดูนะว่าการที่จะเข้าถึงคน 4.59 ล้านคนนั้นจะต้องใช้เงินเท่าไหร่กัน? ถ้าเอาไปลง TV ก็เจอไป 15 วินาทีก็เป็นแสนบาท ประเมิณกันในแง่บวกเลยว่าเปิดรอบหนึ่งเข้าถึงคนได้ 1 ล้าน คน ก็ต้อง ซ้ำประมาณ 5 รอบ ถ้านับรอบละ 200,000 บาท ก็ประมาณ ว่า 1 ล้านบาทนั้นเองที่เราต้องจ่ายไปกับค่าโฆษณา ภาษาชาวบ้านก็คือขนหน้าแข้งร่วงหมด

ข้อที่ 2 :การเข้าถึงคนได้จำนวนมาก
จากข้อมูลที่ของ Facebook เองนั้นได้กล่าวว่ามีคนไทยที่ใช้ Faebook อยู่ประมาณ 16 ล้านบัญชี ถ้าเกิดเรามองในแง่ร้ายไปเลยว่า 6 ล้านบัญชีนั้นไม่ได้เล่น สมัครขึ้นมาเพื่อให้รกเซิฟเวอร์ของเขาเล่นๆ นั้นก็เหลืออยู่ประมาณ 10 ล้านบัญชี ซึ่งนับเป็นจำนวนที่มากพอตัวเลย ถ้าใครที่สามารถที่จะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในกลุ่มนี้ได้ ก็จะเรียกได้ว่าแทบจะมีชัยในการธุรกิจ
ข้อที่ 3 : ความรวดเร็ว
ข้อนี้เป็นหนึ่งในผลกระทบที่เกิดจากอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการแชร์ผ่านทาง Social Media หรือผ่านทาง Web board ต่างๆ ซึ่งความเร็วชนิดที่เรียกว่า เห็นผลได้ทันที” ถ้าเปรียบเทียบกับสื่อในยุคเก่าไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ที่ต้องส่งเรื่องไปให้บรรณาธิการ, กว่าจะตีพิมพ์, และกว่าที่หนังสือพิมพ์จะเดินทางไปถึงมือผู้บริโภคกระบวนการเหล่านี้อย่างน้อยก็กินเวลาไป 1 2 วันแล้ว, และถ้าเกิดว่าเราเอาไปเปรียบกับพวกไปรษณีย์ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกันเรื่องความเร็ว

ข้อที่ 4 : ความน่าเชื่อถือ
คิดว่าทุกคนคงเคยดู TV Direct และคงคุ้นกับประโยคที่ว่า โอ้ซาร่าเครื่องนี้มันวิเศษจริงๆ เผาผลาญไขมัน หุ่นให้กระชับใน 7 วันถามหน่อยจะมีสักกี่คนที่เชื่อ ? จริงไหม  นั้นเป็นเพราะว่าทุกคนรู้ว่ามันคือการโฆษณา มันมาจากนักการตลาด จุดประสงค์ของเขาก็คือการขายของของเขาให้ได้ไม่ว่าจะเป็นวิธีการใดๆก็ตาม  แต่ในทางกลับกัน Viral Video นั้นมีแหล่งที่แพร่กระจายมาจากการบอกต่อของกลุ่มเพื่อน ระหว่างของที่เพื่อนสงมากับคนที่ไม่รู้จักส่งมาให้ คุณจะเลือกเชื่ออะไร

ข้อที่ 5 : ความคิดสร้างสรรค์
Viral Video ก็ถือเป็นอีกศาสตร์ของการประชาสัมพันธ์ ที่ไม่มีแบบแผนที่ชัดเจน ใครอยากทำอะไรก็ได้ ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องที่ทำออกมามีทั้งโดนใจและดังจนได้วิวถึงหลายล้านวิว ดังนั้นเมื่อไม่มีแบบแผนที่ตายตัวสิ่งที่ตามมาก็คือความคิดสร้างสรรค์ ผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์เท่านั้นที่จะได้รับชัยชนะในสงครามประชาสัมพันธ์ครั้งนี้

สรุป
ไม่ว่าจะเป็นการประชาสัมพันธ์แบบไหน จะอยู่ในยุคเก่าที่ไร้ซึ่งเทคโนโลยี หรือยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินชีวิต คุณค่าของการประชาสัมพันธ์ยังมอยู่ในนั้นเสมอ อยู่ที่ผู้จัดทำ หรือผู้สร้างสรรค์จะสอดแทรกความรู้สึก นึกคิด หรือต้องการจะสื่อประชาสัมพันธ์อะไรให้ผู้บริโภคหรือผู้รับสารจดจำ อาจจะเป็นข่าวสาร  ผลิตภัณฑ์ หรือองค์กรของท่าน โลกเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน เราต้องเติมความทันสมัยไม่ใช่แค่ในการดำเนินชีวิต แต่ควรเติมความทันสมัยในเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม

ตัวอย่างคลิป
โฆษณา "การให้ คือการสื่อสารที่ดีที่สุด" ทรูมูฟ เอช
ทรูมูฟ เอช เชื่อเสมอว่า "การให้ คือการสื่อสารที่ดีที่สุด" โดยเราสื่อสารผ่านภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน­์ เรื่องราวในภาพยนตร์โฆษณาเรื่องนี้ สะท้อนแนวคิดของแบรนด์ ทรูมูฟ เอช ที่เชื่อว่า...การให้โดยไม่หวังผลตอบแทนเป­็นจุดเริ่มต้นของการให้ที่แท้จริง
ทั้งนี้เค้าโครงเรื่องได้รับแรงบัลดาลใจ มาจากเรื่องราวทางสื่อสังคมออนไลน์ เล่าถึงเรื่องราวของการให้ที่ไม่หวังผลตอบ­แทน แต่ได้รับบางสิ่งตอบแทนราวปาฏิหาริย์
เพราะการให้คือ คือการสื่อสารที่ดีที่สุด แม้ไม่มีคำพูดสักคำ แต่กลับเป็นการสื่อสารที่ทรงพลังที่สุด ทรูมูฟ เอช เชื่อในพลังของการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน และจึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อ­สารใหม่ๆ ให้กับคนไทย เพื่อสร้างโอกาสและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทย ให้ทุกๆการสื่อสาร เชื่อมต่อถึงกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ปัจจุบัน 18,602,002 View 
























ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น