(พิธีกรเปิดช่วง)
Real
time News ของเราในวันนี้ เป็นข่าวที่เกิดขึ้นในรอบวันที่ประชาชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
กับข่าวแรก
“เตือนภัย!! โจรสาวสุดแสบล้วงไอโฟน ใช้เวลาไม่ถึง 3 วินาที”
กลายเป็นประเด็นที่ชาวสังคมออนไลน์ให้ความสนใจในขณะนี้
จากกรณีที่สมาชิกเว็บไซต์พันทิปท่านหนึ่งได้ตั้งกระทู้ เตือนภัยและขอความช่วยเหลือกรณีโจรสาวล้วงโทรศัพท์มือถือไอโฟนออกจากกระเป๋าในเวลาแค่ไม่กี่วินาที
โดยเผยว่า
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558
ที่ผ่านมาช่วง เวลาประมาณบ่าย 4 โมง ที่ร้านหนังสือนายอินทร์ สาขาเอ็นมาร์ค พลาซ่า
ตรงข้ามเดอะมอลล์บางกะปิ
จากการขอดูกล้องวงจรปิด คนร้ายได้เดินหาเหยื่ออยู่โดยมีเพื่อนที่ใส่เสื้อดำลายจุดอีกคนเป็นคนร่วมก่อเหตุแล้วด้วยความที่เพื่อนของตนเก็บมือถือไม่มิดชิด
ทำให้คนร้ายเดินตามมาจนถึงร้านหนังสือ แล้วใช้มือล้วงเอาไอโฟนไปไม่ถึง3วินาที
ซึ่งโจรสาวทำอย่างใจเย็นมาก
แล้วยังทำทีแกล้งซื้อหนังสือแล้วมายืนจ่ายเงินจากนั้นก็หลบหนีขึ้นแท็กซี่
โดยพนักงานร้านหนังสือบอกว่าเคยเห็นคนร้ายมาซื้อหนังสือหลายครั้ง
โดยเหตุการณ์นี้ ผ่านไปจะ 3วันแล้ว
ยังจับคนร้ายไม่ได้เลยซึ่งมีภาพคนร้ายค่อนข้างชัดเจน
“สำหรับประชาชนท่านได้
เคยเห็นคนร้ายในภาพสามารถแจ้ง เจ้าหน้าที่ สน. หัวหมาก ตามที่อยู่ที่ขึ้นด้านล่างได้เลยนะครับ
อย่าปล่อยให้คนช่วยลอยนวล แล้วข่าวต่อมากรณีความไม่ปลอดภัยของสุภาพสตรีเมื่อใช้บริการรถสาธารณะหรือรถโดยสารประจำทางต่าง
ๆ ที่มักจะถูกลวนลามจากชายแปลกหน้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นประจำในสังคมและยังหาทางแก้ไขไม่ได้
จนเกิดเหตุขึ้นอีกครั้งเหมือนข่าวนี้ครับ”
เมื่อวันที่ 10
กุมภาพันธ์ 2558 ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกออนไลน์ ได้มีการแชร์คลิปชื่อ โรคจิตแอบจับก้น เป็นเหตุการณ์ที่หนุ่มรายหนึ่งได้ทำการแอบจับบั้นท้ายสาว
ขณะกำลังยืนโดยสารบนรถ ที่คาดว่า จะเป็นบนรถไฟฟ้า โดยมีผู้ถ่ายคลิปเอาไว้ได้
ก่อนที่หญิงสาวรายดังกล่าว จะเบี่ยงตัวหนีหลบไปทางอื่น
ก่อนผู้ถ่ายคลิปจะจับภาพชายโรคจิตคนดังกล่าวเอาไว้ได้ซึ่งหลังคลิปโรคจิต
ได้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตต่างพร้อมรุมประณามชายคนดังกล่าว
ที่กระทำการดังกล่าวต่อหญิงสาวพร้อมอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาจัดการปัญหาโรคจิต
หรือ ภัย ต่อผู้หญิง ให้หมดไปในสังคม ด้านชาวเน็ตบางส่วนเข้ามาให้ข้อมูลว่า
คลิปดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2015 แต่ยังสามารถเตือนภัยต่อสังคมได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะหญิงสาวให้มีความระมัดระวังมากขึ้น
“ ฝากถึงสุภาพสตรีทุกท่านด้วยนะครับ
สังคมสมัยนี้น่ากลัวมาก ภัยร้ายเกิดขึ้นกับเราได้ทุกเวลา
ระมัดระวังตัวด้วยนะครับ จากข่าวภัยใกล้ตัวของผู้หญิง มาเป็นข่าวอุบัติเหตุบทท้องถนนที่เกิดขึ้นจากความประมาทเป็นประจำทุกวันกันบ้างนะครับ
แต่อาจจะไม่โชคดีเหมือนข่าวนี้เสมอ ”
วันที่ 10 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
โลกโซเชียลเน็ตเวิร์กวิพากษ์วิจารณ์คลิปวิดีโอเหตุการณ์เฉียดตายของหนุ่มขับรถจักรยานยนต์คนหนึ่ง
เสี้ยววินาทีชีวิตที่ขับขี่รถเข้าไปสู่ช่องกลางระหว่างรถบรรทุก 18 ล้อ 2 คันที่ขับเคียงคู่กันมา
จนเป็นเหตุทำให้รถเสียหลักคว่ำกลางถนน เกือบถูกรถบรรทุกทับร่างไปอย่างหวุดหวิด
ตามรายงานระบุว่า เพจเฟซบุ๊กชื่อดัง YouLike
(คลิปเด็ด) ได้เผยแพร่คลิปภาพเหตุของสมาชิกชื่อ โดนบัง จิงดิ
ภาพเหตุการณ์ในคลิป “18 ล้อทับหัวเฉี่ยวๆ เกือบหัวขาด”
ความยาวประมาณนาทีเศษๆ แสดงให้เห็นมุมภาพจากกล้องที่หมวกนิรภัยของรถจักรยานยนต์คันหนึ่ง
คลิปดังกล่าวยังได้อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า
“เหตุเกิดเส้นบางนา-ตราด แยกซ้ายเข้าบายพาสชลบุรี
หน้าอมตะนคร สังเกตพี่เขาเกือบโดน 18 ล้อทับหัว
เดชะบุญโดนแค่เฉี่ยวๆ สอบถามพี่เขาบอกว่า ขี่มาไว้แต่เบรกไม่อยู่
เหมือนพี่แกจะขาหัก”
คลิปวิดีโอดังกล่าวเผยให้ภาพเห็นรถจักรยานยนต์กำลังขับมาตามทาง
ท่ามกลางปริมาณรถบนท้องถนนที่มีอยู่พอสมควร สภาพการจราจรที่วิ่งตามกันมา
เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุมีรถบรรทุกตู้คอนเทอร์เนอร์และรถบรรทุกพ่วง 18
ล้อ วิ่งอยู่คู่กัน เกิดเบี่ยงขวาเข้าประชิด
ทำให้รถจักรยานยนต์ที่ถ่ายภาพเอาไว้ต้องเบรกรถกะทันหัน
แต่รถจักรยานยนต์อีกคันที่ตามหลังมาเบรกไม่ทัน
จึงเสียหลักพลิกคว่ำอยู่ตรงช่องว่างระหว่างรถบรรทุกทั้ง 2 คัน
ร่างคนขับไถลไปกันพื้น ล้อรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อเฉี่ยวร่างไปอย่างหวุดหวิด
อย่างไรก็ตาม
ภายหลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก
ทั้งวิพากษ์วิจารณ์คนขับรถบรรทุกคู่กรณี หรือ
คนขับรถจักรยานยนต์ที่เป็นเจ้าของภาพและผู้ได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ยังมีอีกบางส่วนที่ให้กำลังในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ซึ่งไม่มีความการสูญเสียใดๆ
ทั้งนี้ยังมีการตำหนิเรื่องมารยาทบนท้องถนนของสังคมปัจจุบันที่ไม่ค่อยจะเคารพกฎจราจร
รถบรรทุกควรจะขับชิดซ้าย เช่นเดียวกัรถจักรยานยนต์ที่ควรขับชิดซ้ายหรืออยู่ที่ไหล่ทาง
แต่เมื่อกฎจราจรปะปนและไม่มีใครทำตาม ก็กลายเป็นความไร้ระเบียบบนท้องถนน
จนนำไปสู่อุบัติเหตุและการสูญเสียในที่สุด
“ อย่างไรก็ฝากถึงผู้ใช้รถ
ใช้ถนนนะครับ คำนึงถึงความปลอดภัย
ใช้รถบนความไม่ประมาทเพื่อรักษาชีวิตของตัวเองที่สุด
ถึงจุดหมายช้าดีกว่าไม่ถึงเลยนะครับ ต่อด้วยข่าวต่างประเทศที่กำลังเป็นที่พูดถึงในขณะนี้นะครับ
ของ......”
กลุ่มISIS แพร่คลิปตัดหัว!!นักข่าวมะกัน เพื่อแก้แค้นที่ถูกสหรัฐใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ
วันนี้ (20
ส.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กลุ่มรัฐอิสลาม หรือ ISIS ได้โพสต์วิดีโอลงบนเว็บไซต์ยูทูบการตัดศีรษะนักข่าวอเมริกัน เพื่อแก้แค้นที่ถูกสหรัฐใช้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ
และขู่จะสังหารนักข่าวคนที่สองหากประธานาธิบดีบารัค
โอบามาไม่สั่งระงับปฏิบัติการทางทหารกับกลุ่มไอเอส
ซึ่งชายที่อยู่ในคลิปตัดหัวคือผู้สื่อข่าวชาวอเมริกัน นายเจมส์โฟลีย์
เขาสวมชุดสีส้มคล้ายนักโทษ คุกเข่าอยู่กลางทะเลทราย
ซึ่งโฟลีย์ถูกจับตัวไปตั้งแต่ 2 ปีก่อน
ระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในซีเรีย
โดยด้านข้างเขาคือนักรบของกลุ่ม IS
ที่สวมหน้ากากปิดบังหน้าตา สวมชุดสีดำ พร้อมกับมีดในมือ ภาพดังกล่าวบันทึกเอาไว้
ก่อนที่โฟลีย์จะถูกสังหารด้วยการตัดศีรษะ
ด้านของนักรบที่ลงมือสังหารโฟลีย์
ก็ระบุเหตุผลของการก่อเหตุในครั้งนี้อย่างชัดเจนว่า “เพื่อเป็นการแก้แค้น ที่สหรัฐฯ โจมตีทางอากาศในอิรัก
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกับยืนยันว่า ผู้ที่ลงมือสังหารโฟลีย์ตัวจริงก็คือ
อเมริกานั่นเอง”
โดยท้ายคลิปดังกล่าว
มีภาพของผู้สื่อข่าวอีกคนหนึ่งปรากฏอยู่ นั่นคือ นายสตีเฟน โซทลอฟฟ์
ที่ถูกลักพาตัวไปจากพรมแดนซีเรีย – ตุรกี เมื่อปีก่อน
โดยก่อนหน้านี้ โซทลอฟฟ์เขียนข่าวให้กับไทม์ และนิตยสาร Foreign Policy ซึ่งนักรบของ IS ระบุว่า
โซทลอฟฟ์จะรอดชีวิตหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของสหรัฐฯ หลังจากนี้
ทางการสหรัฐฯ ยังไม่ได้ออกมายืนยันว่า
ภาพวิดีโอนี้เป็นของจริงหรือไม่ โดยอ้างว่าต้องรอการตรวจสอบที่แน่ชัดอีกครั้ง
“ทางสหรัฐมีความคืบหน้าของกลุ่ม
ISIS อย่างไรรายการเรื่องจริงผ่านจอ จะติดตามของเรื่องนี้มารายงานให้ท่านผู้ชมได้รับทราบกันนะครับ
ข่าวสุดท้ายของเราในวันนี้เกี่ยวกับความใจร้ายของพี่เลี้ยง
ด้วยความไว้ใจของพ่อแม่ บางครั้งความหวังนี้แบบนี้
อาจจะทำให้เกิดอันตรายกับลูกหรือบุตรหลานของท่านได้เหมือนข่าวนี้”
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา นายอีริค
คามานซี คุณพ่อจากเมืองนากาวา ประเทศยูกันดา
ได้สังเกตเห็นร่องรอยบอบช้ำตามตัวลูกสาววัย 1 ขวบครึ่ง
แถมลูกยังเดินกระโผลกกระเผลก และยังพบเห็นว่ามีรอยช้ำใหม่ขึ้นมาเรื่อย ๆ จึงตัดสินใจติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ภายในบ้านเพื่อดูว่าระหว่างที่เขาออกไปทำ
งานและฝากหนูน้อยไว้กับ จอลลี่ ตูมูฮีร์เว
พี่เลี้ยงเด็ก วัย 22 ปี
นั้น เกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวตัวน้อยของตัวเองกันแน่
หลังจากที่กลับมาจากทำงานในวันนั้น
อีริคก็ได้นำวิดีโอจากกล้องวงจรปิดมาเปิดดู
และแทบช็อกเมื่อพบว่า หลังจากที่จอลลี่ป้อนข้าวเด็กนั้น จู่ ๆ
เด็กก็อาเจียนออกมาเลอะพื้นและโซฟา แต่แทนที่จอลลี่จจะเข้ามาดูอาการของเด็ก
เธอกลับโมโหอย่างมาก บันดาลโทสะเหวี่ยงเด็กลงบนพื้นจนเด็กร้องด้วยความเจ็บปวด
แล้วกระหน่ำตีก้นเด็กอย่างแรงอยู่หลายครั้ง แต่นั่นยังไม่พอ
เธอยังใช้เท้าเหยียบร่างของเด็ก ลงน้ำหนักทั้งตัวบนร่างน้อย ๆ นั้น
ก่อนที่จะเตะเด็กแล้วกลับมากระทืบซ้ำ เห็นแล้วสลดใจเป็นอย่างยิ่ง
โดยไม่รอช้า
อีริครีบนำคลิปวิดีโอดังกล่าวไปแจ้งตำรวจเมื่อวันที่ 13
พฤศจิกายนที่ผ่านมา นำมาซึ่งการจับกุมจอลลี่พร้อมตั้งข้อหาพยายามฆ่า
เพราะสิ่งที่เธอทำต่อเด็กนั้นร้ายแรงจนอาจทำให้เด็กเสียชีวิตได้เลยทีเดียว
ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวได้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมยูกันดาเป็นอย่างมาก
ก่อนจะลามไปทั่วโลกในเวลาเพียงไม่กี่วัน
ขณะที่ตำรวจก็ได้แนะนำบรรดาคุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายว่า
อย่าไว้ใจพี่เลี้ยงเด็กที่เราไม่รู้จักมักจี่มาก่อน
หากจะจ้างพี่เลี้ยงเด็กสักคนควรสืบประวัติจากทางเพื่อนบ้าน เพื่อน
หรือจะไปตรวจสอบประวัติกับตำรวจท้องถิ่นก็ได้ และถ้าจะให้ดี ควรจะติดต่อไปพูดคุยกับผู้ที่เคยว่าจ้างพี่เลี้ยงเด็กด้วย
เพื่อดูว่าพี่เลี้ยงเด็กนั้นเคยมีประวัติทำร้ายเด็กและเลี้ยงเด็กเป็นหรือไม่
“พักชมผู้สนับสนุนรายการสักครู่
แล้วพบกันช่วงหน้าครับ”
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น